วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

25 พาสเวิร์ดแย่ ๆ ที่อย่าได้ใช้เป็นอันขาด


 

          นับตั้งแต่ที่โลกใบนี้ได้รู้จักกับคำว่า "อินเทอร์เน็ต" (Internet) ก็มีเรื่องราวต่าง ๆ นานาที่มีการคิดและพัฒนาขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องของระบบรักษาความปลอดภัย โดยเฉพาะเมื่อหลาย ๆ คนเริ่มอีเมลเป็นของตัวเอง เริ่มมีแอ็คเค้าท์ในโลกโซเชี่ยลต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น เช่น เฟซบุ๊ก, ทวิตเตอร์, ไฮไฟ, กูเกิล พลัส หรือตามเว็บบอร์ดอื่น ๆ ทั่วไป
 
          ทั้งนี้ สิ่งหนึ่งที่สำคัญและเหมือนเป็นปราการด่านแรก ๆ ที่จะเล่นโซเชี่ยลต่าง ๆ เหล่านั้นได้ ผู้ใช้จำเป็นต้องมีการตั้งรหัสผ่าน หรือที่เรา ๆ ท่าน ๆ เรียกกันจนชินปากว่า "พาสเวิร์ด" (Password) เสียก่อน ถึงจะเข้าไปใช้งานได้ตามปกติ
 
          แต่ก็มีอยู่บ่อยครั้งเหมือนกันที่พาสเวิร์ดต่าง ๆ ที่เคยตั้งไว้ ดันโดนแฮ็คหรือโดยเจาะเข้าไปได้ง่าย ๆ ซึ่งก็เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ทั้งการตั้งพาสเวิร์ดที่คนส่วนใหญ่รู้จัก เช่น "1234" หรือ "abcd" หรือใด ๆ ก็ตามแต่ที่มักจะยึดเอาไว้ว่าจำได้ง่าย และการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ที่ไปบอกกล่าวให้คนอื่น ๆ รู้ จนผลสุดท้ายแล้ว ก็โดนคนอื่น ๆ แฮ็คไปเอาข้อมูลออกไปจนเกลี้ยง จนถึงขั้นหนักที่มีการฟ้องร้องกัน เพราะการตั้งพาสเวิร์ดที่ไม่ได้เรื่องมาแล้วก็มีเหมือนกัน
 
          ด้วยเหตุนี้เอง ทางเว็บไซต์ pcmag.com จึงได้รวบรวมเอา 25 พาสเวิร์ดแย่ ๆ มาให้ทุก ๆ ท่านได้รู้เอาไว้ว่าเป็นพาสเวิร์ดที่ไม่ควรยุ่งเกี่ยว หรือนำมาใช้เป็นพาสเวิร์ดส่วนตัวแต่อย่างใด เพราะพาสเวิร์ดเหล่านี้ไม่ได้มีความปลอดภัยอะไรเลยแม้แต่น้อย ฉะนั้นแล้วไปดูกันว่า พาสเวิร์ดทั้ง 25 แบบนั้น มีอะไรบ้าง..
 
 
 1. password
 2. 123456
 3. 12345678
 4. qwerty
 5. abc123
 6. monkey
 7. 1234567
 8. letmein
 9. trustno1
 10. dragon
 11. baseball
 12. 111111
 13. iloveyou
 14. master
 15. sunshine
 16. ashley
 17. bailey
 18. passw0rd
 19. shadow
 20. 123123
 21. 654321
 22. superman
 23. qazwsx
 24. michael
 25. football
 
 
          เมื่อรู้แบบนี้แล้ว หลาย ๆ คนคงจะสงสัยว่า แล้วจะต้องตั้งพาสเวิร์ดแบบไหนดีล่ะ ถึงจะแข็งแรง โดนเจาะยาก และง่ายต่อการจดจำบ้าง ทางเว็บไซต์ pcmag.com ก็ได้บอกกล่าวเอาไว้ว่า หลักการง่าย ๆ เพื่อที่จะได้มีพาสเวิร์ดที่แข็งแรง ใครคนอื่นเข้ามาเจาะได้ยากนั้น ก็เพียงแค่เลือกใช้พาสเวิร์ดที่มีทั้งตัวอักษรและตัวเลขรวมกัน โดยอาจจะใช้ตัวอักษรที่คุณชอบ ฉายาที่เพื่อนเรียก หรือตัวย่อใด ๆ ก็ตามแต่แล้วแต่จะเลือกกันมา ส่วนตัวเลขก็อาจจะเป็นวันเกิด เบอร์โทรศัพท์ ทะเบียนรถ เลขที่บ้าน ฯลฯ
 
          และหากคุณมีหลายแอ็คเคาท์ เช่นมีหลากหลายสื่อโซเชี่ยล เล่นทั้งเฟซบุ๊ก เล่นทั้งทวิตเตอร์ เช็คอีเมล เข้าเว็บบอร์ด และอื่น ๆ  ก็ไม่ควรที่จะใช้พาสเวิร์ดเดียวกับกับทุก ๆ แอ็คเค้าท์ คิดให้หลากหลายเข้าไว้ ขณะที่อีกสิ่งหนึ่งสำคัญที่ควรจะนึกเอาไว้เสมอก็คือ ให้คิดว่าพาสเวิร์ดก็เหมือนชุดชั้นในที่ต้องปิดให้มิดชิด เพื่อความปลอดภัยของคุณเอง เพียงง่าย ๆ เท่านี้ คุณก็จะมีพาสเวิร์ดที่แข็งแรง และยากต่อการถูกเจาะเข้าระบบแล้วล่ะ..

วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ฮอนด้า เตรียมเปิดตัวรถต้นแบบพลังไฟฟ้า 7 รุ่นรวด




           ใกล้เข้ามาแล้ว สำหรับงาน "โตเกียว มอเตอร์โชว์ 2011" (Tokyo Motor Show 2011) ครั้งที่ 42 ซึ่งจะจัดขึ้นที่โตเกียว บิ๊กไซต์ (Tokyo Big Sight) ประเทศญี่ปุ่น ในระหว่างวันที่ 3 - 11 ธันวาคมที่จะถึงนี้ โดยไฮไลท์หลัก ๆ ก็คือการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ ๆ ของค่ายต่าง ๆ ที่เตรียมพารถรุ่นใหม่ ๆ มาให้ผู้ที่ชื่นชอบในเรื่องของยานยนต์ได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด

           แต่ไม่ว่าค่ายรถยนต์ไหนจะมีรถรุ่นใหม่ ๆ ที่จ่อเปิดตัวกันยังไง ก็คงไม่เป็นที่สนใจเท่า "ฮอนด้า" (Honda) แน่นอน เพราะว่าบริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด ได้ประกาศอย่างชัดเจนเลยว่า ในงานนี้พวกเขาพร้อมแล้วที่จะเปิดตัวรถต้นแบบที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นหลักทีเดียวถึง 7 รุ่นรวด ทั้งในส่วนของรถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์

           โดยทางฮอนด้าออกคอนเซ็ปต์มาอย่างชัดเจนเลยว่า ในงานนี้ฮอนด้าจะนำเสนอชีวิตแห่งความเคลื่อนไหวที่น่าตื่นเต้นของโลกอนาคต ภายใต้แนวคิด "What makes people feel good?" (อะไรที่ทำให้คนเรารู้สึกดี?) ซึ่งจะเป็นการสะท้อนวิสัยทัศน์ในฐานะผู้ผลิตนวัตกรรมแห่งการเคลื่อนที่ส่วนตัวให้แก่ผู้คนทั่วโลก โดยจะใช้ทั้งพลังงานไฟฟ้าและพลังงานธรรมชาติอย่างพลังงานแสงอาทิตย์ มาเป็นจุดเด่นหลัก ๆ ในการพัฒนาและสร้างรถรุ่นใหม่ ๆ ของฮอนด้าต่อไปในอนาคต

           ด้วยเหตุนี้เอง ฮอนด้าจึงได้คิดรถต้นแบบที่ใช้ระบบไฟฟ้าต่าง ๆ มาถึง 7 คันเน้น ๆ ซึ่งแต่ละรุ่นแต่ละแบบนั้น ต้องบอกเลยว่าเป็นคอนเซ็ปต์คาร์ที่น่าสนใจมาก ๆ ฉะนั้นแล้วเราลองไปดูกันดีกว่าว่า ทั้ง 7 รุ่นที่ว่านั้น จะมีอะไรบ้างและจะน่าสนใจเหมือนที่ฮอนด้าได้ตั้งคอนเซ็ปต์เอาไว้หรือเปล่า ตามมาดูกันเลย


 

AC-X

           เริ่มกันที่รถยนต์ไฮบริดแบบ "ปลั๊ก-อิน" (Plug-in) แห่งอนาคต ที่จะตอบโจทย์ด้านความสนุกสนานและความสะดวกสบายที่มากขึ้นในทุกสภาพการขับขี่ ทั้งในเมืองและการเดินทางระยะไกล AC-X มาพร้อมกับ 2 โหมดการขับขี่เด่น ๆ ทั้ง "โหมดการขับด้วยเครื่องยนต์" เพื่อการขับขี่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และ "โหมดการขับแบบอัตโนมัติ" เพื่อให้คนขับสามารถผ่อนคลายกับการเดินทางได้ โดยที่ไม่ต้องกังวลในเรื่องการขับขี่อีกต่อ ซึ่งจะเหมาะมาก ๆ สำหรับผู้ที่ต้องเดินทางไกลหรือต้องใช้เวลาอยู่ในรถเป็นเวลานาน ๆ


 

MICRO COMMUTER CONCEPT

           รถคันนี้จะเป็นรถพลังงานไฟฟ้าขนาดกะทัดรัด กับรูปทรงภายนอกที่แหวกแนว ล้ำสมัย แถมผู้ที่เป็นเจ้าของยังสามารถเพิ่มหรือตกแต่งรถได้ตามที่ต้องการอีกด้วย ซึ่งจะเน้นใช้งานในเมืองเป็นหลัก และด้วยการร่วมมือระหว่างศูนย์วิจัยและพัฒนารถยนต์และรถจักรยานยนต์ฮอนด้า ช่วยให้รถรุ่นนี้สามารถบรรทุกรถมอเตอร์ไซค์ "MOTOR COMPO " ได้อย่างสบาย ๆ เลยทีเดียว


 

SMALL SPORTS EV CONCEPT

           นี่จะเป็นรถสปอร์ตแบบระบบ EV ที่จะให้ความสนุกแก่การขับขี่อย่างที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน ทั้งความสะดวกสบายและเรื่องของอัตราเร่งความเร็วต่าง ๆ อีกทั้ง ยังเป็นรถที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย


 

MOTOR COMPO

           รถมอเตอร์ไซค์แบบระบบ EV คันนี้มีขนาดที่เล็ก น่ารัก ๆ กำลังดี ขับขี่ง่าย สามารถบรรทุกใส่ในรถ MICRO COMMUTER CONCEPT ได้อย่างสบาย ๆ นอกจากนี้ยังสามารถถอดแบตเตอร์รี่ออกมาเพื่อเป็นแหล่งพลังงานที่ใช้ในชีวิตประจำวันด้วย


 

E-CANOPY

           รถสกู้ตเตอร์แบบสามล้อนี้ พัฒนาขึ้นมาจากการระบบ EV ไปติดตั้งบนตัวรถให้เกิดเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของฮอนด้า เหมาะสำหรับใช้งานส่วนตัวและงานธุรกิจ เช่น การส่งของ โดยสามารถติดตั้งที่เก็บของเพิ่มเติมในด้านหลังของตัวรถได้


 

RC-E

           นี่คือรถมอเตอร์ไซค์ซูเปอร์สปอร์ตรุ่น EV ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองการขับขี่อย่างเต็มที่ RC-E มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 250 ซีซี ซึ่งอยู่บนตัวถังที่มีการดีไซน์ให้มีขนาดกะทัดรัด นอกจากนั้นแล้วยังมีจุดเด่นตรงที่ให้สมรรถนะที่แรงและทรงพลัง แต่แฝงความนุ่มนวลในทุก ๆ ที่ขับขี่อีกด้วย


 

TOWNWALKER

           ปิดท้ายกันที่ รถเล็กที่ลักษณะคล้ายกับรถกอล์ฟคันนี้ ที่มีการดีไซน์มาเพื่อใช้ในเใองโดยเฉพาะ แถมยังเหมาะสำหรับคุณพ่อบ้านแม่บ้าน ในการใช้งานเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น จ่ายตลาด หรือขนของนิด ๆ หน่อย ๆ ขณะที่อีกหนึ่งจุดเด่นของ TOWNWALKER ก็คือสามารถบรรทุกใส่ในรถยนต์ได้ง่าย ๆ เพียงแค่พับแผงคันบังคับที่อยู่ด้านหน้าและส่วนของที่นั่งเข้าหากันแค่นั้นเอง


           ทั้งนี้ทั้งนั้น ทั้ง 7 รุ่นของฮอนด้าที่เตรียมจะเปิดตัวพร้อม ๆ กันในงานโตเกียว มอเตอร์โชว์ 2011 นี้ ยังคงเป็นเพียงรถต้นแบบเท่านั้น ยังไม่มีการผลิตออกมาในเชิงพาณิชย์อย่างทางการแต่อย่างใด แต่ที่แน่ ๆ คือเราได้เห็นแล้วว่า ทิศทางด้านยานยนต์ในอนาคตข้างหน้า ดูแล้วจะมีแต่การใช้พลังงานไฟฟ้าทดแทนพลังงานน้ำมันที่รอวันหมดจะโลกอย่างเป็นทางการแน่นอน..


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก world.honda.com

ค้นพบซูเปอร์แบ็ตเตอร์รี่ อึด 10 เท่า ชาร์จเร็ว 10 เท่า



วงการแบ็ตเตอร์รี่กำลังจะเปลี่ยนไป เมื่อนักวิทยาศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัย Northwestern University ค้นพบวิธีการทำให้แบ็ตใช้งานได้นานขึ้น 10 เท่า และชาร์จไฟได้เร็วขึ้นอีก 10 เท่าด้วย ด้วยการใส่รูขนาดจิ๋วสุดที่มีความกว้างเพียง 20-40 นาโนเมตรลงไปเปลี่ยนการเคลื่อนที่และความหนาแน่นของเซลล์ลิเธียมไอออน ซึ่งจะช่วยให้ชาร์จไฟได้เร็วขึ้นและแบ็ตใช้งานได้อึดขึ้น โดยแบ็ตแบบใหม่นี้ชาร์จไฟเต็มภายใน 15 นาที แต่ใช้งานได้ตลอดทั้งสัปดาห์
แบ็ตตัวใหม่นี้จะใช้งานได้เต็มที่ 150 ครั้ง (ชาร์จไฟ) หลังจากนั้น อายุการใช้งานจะตกลงอย่างรวดเร็ว แต่อย่างไรก็ดี การใช้งานได้ 150 ครั้งก็เท่ากับใช้งานได้มากกว่าหนึ่งปี และเมื่อเทียบประสิทธิภาพแล้ว ก็ยังถือว่าเหนือว่าแบ็ตเตอร์รี่ลิเธียมไอออนที่มีอยู่ในท้องตลาดเวลานี้ด้วย
… สำหรับแบ็ตรุ่นใหม่นี้ ต้องรออีก 5 ปีถึงจะผลิตออกสู่ตลาดได้ครับ
 

วันอังคารที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

Android ดีกว่า iPhone ยังไง??


android-vs-iphone.jpg


      หลังจากที่มีคนถามผมมาเยอะว่า Android ดีกว่า iPhone ยังไง วันนี้ผมเลยมาบอกให้ฟังว่าจากการใช้งานของผมที่ผ่านมา Android มันดีกว่ายังไงบ้างครับ

*** โปรดสังเกตหัวข้อบทความนะครับ ว่าเป็น "Android ดีกว่า iPhone ยังไง" ไม่ใช่เปรียบเทียบ Android กับ iPhone นะครับ (พูดง่ายๆก็บทความเข้าข้าง Android ล่ะครับ 555)

Keyboard
Android
สามารถเปลี่ยน Keyboard ได้อย่างอิสระคีย์บอร์ดมีหลายฟังชั่นมากๆ ทำให้การพิมนั้นปรับเปลี่ยนไปตามสไตล์ของเราได้ ยกตัวอย่างเช่น
TSwipe
ลากได้ เปลี่ยนสกินได้ และปรับขนาดคีย์บอร์ดได้ < โคตรเทพผมใช้กับแอนดรอยด์ทุกเครื่องที่ผมมี
ดู Feature เต็มๆได้ที่นี่ http://www.tswipe.com/index.php

Man Man Keyboard
คีย์บอร์ดที่จะปรับเปลี่ยนขนาดของปุ่มโดยการเดาคำ ทำให้เราสามารถพิมพ์ได้แม่นขึ้นครับ

iPhone
เป็นคีย์บอร์ด 3 แถวที่ดันแยกสระไว้ข้างปุ่ม Spacebar บอกตรงๆว่ามันพิมพ์โคตรยากและขัดใจมากๆ ถึงแม้ว่าจะสามารถเปลี่ยนเป็น 4 แถวได้ แต่ก็ต้องทำการ Jailbreak เครื่องให้หมดประกัน แล้วยัด Keyboard เข้าไป ส่วนเรื่องใช้นิ้วลากเพื่อพิมพ์ หรือฟังชั่นคีย์บอร์ดเทพๆ ลืมไปได้เลยครับ ไม่มีแน่นอน

ลงแอพง่ายมาก
Android
สามารถติดตั้งแอพได้ 3 ทาง โดยไม่จำเป็นต้องดัดแปลงตัวเครื่อง (ไม่จำเป็นต้อง Root ไม่จำเป็นต้อง Jailbreak เหมือน iPhone
1. ลงผ่าน Market ในเครื่องของเรา ถ้าหากเครื่องเรามี Market อยู่ กดเข้าไปแล้ว Install ก็เรียบร้อยครับ
2. ลงผ่านหน้าเว็บ https://ธmarket.android.com
เพียงแค่เรา Sign in Google Account เดียวกับในโทรศัพท์แล้วให้โทรศัพท์ของเราต่ออินเตอร์เน็ตอยู่ ก็สามารถเลือกแอพแล้วกด install ได้เลย
3.ลงแอพจากไฟล์ apk ซึ่งเป็นไฟล์ package ที่ได้มาหลังจากเราทำการ export แอพที่เราพัฒนามาลงใส่เครื่องได้เลย (อย่าเอาไปลงแอพเถื่อนกันนะ)

iPhone
ลงแอพได้ 3 ทางเช่นกัน แต่บางทางต้อง Jailbreak ก่อนถึงจะลงได้
1.ลงจาก Appstore ในเครื่อง ซึ่งอันนี้ก็คล้ายกับ Market ของ Android ครับ กดๆจากเครื่องเราก็ลงได้เลย
2.ลงจาก iTunes แต่วิธีนี้เราจำเป็นจะต้องใช้สายเชื่อมต่อกับ iTunes จากนั้นทำการเลือกแอพจาก Appstore แล้วทำการ Sync เข้าเครื่องครับ (สำหรับการเชื่อมต่อกับคอมจริงๆสามารถใช้ iFunbox ลงได้เช่นกัน)
3.ลงจาก installous ซึ่งเป็นการลงแอพจากไฟล์ ipa นั่นเอง แต่การจะลงไฟล์แบบนี้ได้จำเป็นทำการ Jailbreak เครื่องก่อนครับ
*** installous ไม่แนะนำจริงๆ เพราะแหล่งรวมของเถื่อนครับ ถึงแม้ว่า iOS จะเป็นคู่แข่ง Android แต่นักพัฒนาคือมิตรของเรา ถ้าเป็นไปได้ร่วมมือกันใช้ของแท้นะครับ

Homescreen และ Lockscreen
Android
สามารถเปลี่ยน Theme ได้หลากหลาย เปลี่ยนหน้าตาเครื่องจนจำไม่ได้เลยก็ได้ เพราตัง Home หรือ Launcher มีให้เราเลือกกันเยอะมาก และไม่จำเป็นต้อง Root ให้หมดประกันอีกด้วย

ตัวอย่าง Launcher
Go Launcher EX

Slidescreen

Metro UI


นอกจากนั้นยังสามารถเปลี่ยนหน้า Lock Screen ได้อีกนะครับ

Go Locker

แล้วยังสามารถใช้งาน Widget ที่ทำให้เราดูข้อมูลหรือติดตามข่าวสารได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่จำเป็นต้องไปเข้าแอพนั้นๆ

Facebook widget

Calendar

นอกจากนั้น Android ยังมี Live Wallpaper หรือ Wallpaper แบบขยับได้อีกด้วยนะครับ

iPhone
สามารถเปลี่ยน Home หรือ Theme ได้ก็จริง แต่ก็จำเป็นที่จะต้อง jailbreak ก่อน แล้วลง winterboard จาก cydia ถึงจะสามารถเปลี่ยน Theme ได้

สามารถเปลี่ยน Lock ได้ แต่ก็ต้อง Jailbreak และยังใช้ประโยชน์ได้ไม่มากเท่า Lock screen ของ Android อยู่ดี

ไม่สามารถใช้ Widget ได้

ไม่มี Wallpaper แบบแปลกๆให้ใช้

ลงเพลง ลงหนัง ดูหนัง ฟังเพลง และไฟล์งานต่างๆ
Android
ลงเพลง ลงหนัง
สามารถโยนไฟล์ลงเครื่องได้เลยโดยการเสียบสายแล้วเปิดโหมด USB Mass Storage Device แล้วลากไฟล์ไปวางเหมือนเฟลชไดร์ปกติได้เลย ทั้งไฟล์หนังและไฟล์เพลง

แต่ถ้าไม่อยากเชื่อมต่อกับคอมก็ใช้พวก Wi-Fi Explorer หรือ Samba File Sharing ในวางไฟล์ผ่าน Wireless ได้ครับ

ส่วนการเล่นสามารถได้ทุกไฟล์ถ้าเครื่องแรงพอ แต่อาจจะต้องลงแอพเพิ่ม อย่างเช่น Vplayer , MX Video Player

ไฟล์เอกสารนั้นตัวของ Android ปกติ ถ้ามาแบบเพียวจะเปิดเอกสารไม่ได้ อาจต้องลงแอพอย่าง Google Docs เพิ่มเข้าไป ซึ่งแอพนี้เป็นแอพฟรีครับ เปิดและแก้ไขไฟล์ได้หมด

iPhone
ถ้าหากจะลงเพลงหรือหนังจำเป็นต้องเชื่อมต่อกับคอมแล้วใช้ iTunes ในการลงหนังและเพลง แต่ไม่สามารถลงไฟล์หนังได้ทุกไฟล์นะครับ ถ้าหากจะเล่นไฟล์นั้นๆกับแอพในเครื่องปกติ ไฟล์หนังจำเป็นต้องมีขนาดที่ Support กับหน้าจอและเป็น Format ที่ตัวเครื่องสามารถอ่านได้
*** ถ้าใช้ iTunes ลง อาจจะไม่ต้องต่อสายก็ได้ เพราะสามารถ Sync ผ่าน Wireless ได้เช่นเดียวกัน

เรื่องของการเล่นไฟล์หนังชนิดอื่นๆ iPhone หรือ iPad ก็สามารถทำได้ แต่ก็ต้องเพิ่งแอพตัวอื่นๆอย่างเช่น AV Player หรือ ACE Player ครับ ซึ่งการลงไฟล์หนังใส่แอพเหล่านี้จะสามารถลงผ่าน iTunes หรือยัดไฟล์ผ่าน Wi-Fi Transfer หรือ ftp ได้

สามารถเปิดไฟล์เอกสานอ่านได้โดยไม่จำเป็นต้องลงแอพเพิ่ม แต่แก้ไขเอกสารไม่ได้นะครับ ถ้าจะแก้ไขก็ต้องลงแอพเพิ่มอยู่ดี

การเปิดเว็บ
Android
ตัว Browser ของ Android นั้นรองรับทุกอย่างทั้ง Flash 10 และ HTML 5 ถ้าหากเครื่องแรงจริงๆก็พอจะเล่นเกมเฟสบุ้คได้เลยทีเดียว
สามารถดาวโหลดไฟล์จากเว็บ และอัพไฟล์จากมือถือขึ้นเว็บได้

iPhone
ตัว Browser รองรับ HTML5 แต่ไม่รับรอง Flash 10 บอกลาเกมเฟสบุ้คไปได้เลยครับ

ส่วนการดาวโหลดหรืออัพโหลดไฟล์นั้นไม่สามารถทำได้ แต่ถ้า Jailbreak แล้วลง Plug in เพิ่มจาก cydia ก็ทำได้ครับ (ทำได้แต่ไม่ดีนัก ปัญหาเยอะ)

ราคา
Android
มีตั้งแต่ราคา 2xxx - 2xxxx ซึ่งสามารถเลือกได้แล้วแต่ความต้องการของเรา เช่นถ้าหากไม่ได้เล่นเกมก็เลือกเครื่องถูกไป อยากเล่นเกมเปิดเว็บแรงก็เลือกเครื่องแพงๆ เพราะไม่ว่าถูกหรือแพงก็สามารถใช้งาน Android ได้เหมือนกัน

ในตัวของแอนดรอยด์นั้นถึงแม้ว่าเครื่องจะราคาเพียง 3-4 พัน เปิดเว็บไม่เร็วมาก เล่นเกมไม่ค่อยได้ แต่ใช้งาน Mail และเปิดเว็บได้แน่นอน ซึ่งผมคิดว่าสำหรับบางคนที่ไม่ได้เล่นเกมและไม่ต้องการเครื่องที่เร็วมากในงบที่จำกัด การเลือกซื้อสมาร์ทโฟนราคาถูกก็เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนกลุ่มนั้นครับ

iPhone
ราคาอยู่ที่ 15xxx- 26xxx ถึงแม้ว่าจะเลือก ความจุให้เหมาะกับความต้องการได้ แต่สุดท้ายแล้วก็ยังราคาสูงมากอยู่ดี เพราะฉะนั้นกลุ่มคนที่ไม่ได้อยากใช้งานอะไรมากนักแค่เช็คเมลหรือเปิดเว็บ อาจจะใช้งานได้ไม่คุ้มค่ากับราคาของตัวเครื่องที่ซื้อมา

    ในบทความนี้ผู้เขียนไม่มีเจตนาในการโจมตี iOS นะครับ เพียงแต่อย่างเล่าประสบการณ์การใช้งานต่างๆ ระหว่าง iOS และ Android มากกว่า (ถึงแม้ว่าในบทความจะไม่เอ่ยถึงอะไรที่ iOS ดีกว่าแอนดรอยด์ก็เถอะ) เพราะฉะนั้นหากใครมีอะไรจะแนะนำผมให้เพิ่มเนื้อหาในบทความหรือขัดค้านในส่วนไหน มาช่วยกันแสดงความคิดเห็นกันได้ในกระทู้นี้นะครับ

ขอบคุณครับ

วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

Microsoft Office Labs Vision 2019


อนาคตในปี 2019 (อีก 8 ปี) ที่บริษัท Microsoft วางแผนไว้...

Mobile script Concept


“Mobile script” มือถือยาวเหยียด!


959191244891667
ถ้าความต้องการเบสิกของผู้ใช้มือถือในอนาคตจะกลายเป็นแรงผลักดันให้มือถือรุ่นใหม่ๆ จะต้องอัปเกรดให้มีฟีเจอร์มาตรฐาน 3 อย่าง ได้แก่ การเล่นเน็ต อ่านเอกสาร และแชต จึงอาจกล่าวได้ว่ามือถือที่คุณเห็นด้านล่างนี้เหมาะสมที่จะเป็นมือถือแห่งศตวรรษหน้า มันมีชื่อว่า Mobile script


Mobile script” ตัดข้อจำกัดเรื่องหน้าจอที่เล็กให้กลายเป็นจอทัชสกรีนที่ขยายได้ใหญ่น้องๆ เน็ตบุ๊ค 9.5 นิ้ว ทำให้ดูวิดีโอ เปิดเว็บได้อย่างสุนทรีย์มากขึ้น
วัสดุทำตัวเครื่องใช้นาโนเทคโนโลยีช่วยในการประหยัดแบตเตอรี่ ที่สำคัญสามารถชาร์จไฟจากแสงอาทิตย์ได้
 
แน่นอนว่ามันดูล้ำมากเกินกว่าที่จะออกวางขายในวันนี้ และหรูเกินกว่าที่จีนจะนำมาทำเป็น “ซานไจ้จี” เพราะวันนี้ “Mobile script” เป็นเพียงแค่แนวคิดการออกแบบมือถือสำหรับโลกอนาคตเท่านั้น ซึ่งออกแบบโดย Alexander Mukomelov



ตามติด Mobile Trend แนวโน้มไหนมาแรง


ในงานสัมมนาทางวิชาการ miniBizIT (มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์) ทางทีมงาน thumbsup ได้รับเกียรติไปเป็นวิทยากรพิเศษ ภายใต้หัวข้อ “Mobile Trend” และได้นำ slide มาแบ่งปันให้กับผู้อ่าน thumbsup ไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น ในที่สุด (จนกระทั่งป่านนี้ ^^”) ก็หาโอกาสมาเขียนขยายความเพื่อเป็นข้อมูลเพิ่มเติมให้กับผู้ที่สนใจต่อแล้วค่ะ
โดยข้อมูลจะถูกแบ่งออกเป็นหลายตอน เพราะมีเนื้อหาค่อนข้างเยอะพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ทิศทางของสมาร์ทโฟน , เศรษฐกิจของแอพฯ, ชีวิตการใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่จะเปลี่ยนแปลงไปในอนาคต, Mobile Cloud, การนำเทคโนโลยีต่างๆ มาประยุกต์ใช้สำหรับ Mobile Marketing ไม่ว่าจะเป็น NFC, Location-Based รวมถึงคำที่น่าสนใจอย่าง Augmented Economics, ทิศทาง Commerce กับการนำ NFC มาใช้  อย่างไรก็ตามบางหัวข้อถ้าทางทีมงาน thumbsup ได้เคยนำเสนอในรายละเอียดไปแล้วในบทความก่อนหน้านี้เราก็จะทำการลิงค์อ้าง อิงไปอีกทีนะคะ จะได้ไม่เป็นการมาเล่าซ้ำ สำหรับคราวนี้จะขอเริ่มกันที่ 2 หัวข้อแรกก่อนแล้วกันค่ะ
เกริ่นด้วยเรื่องของตลาดสมาร์ทโฟนเสียหน่อย…
นาทีนี้คงจะบอกว่าหุ่นกระป๋องเขียว Android ไม่แรงไม่ได้แล้ว สำหรับใครที่ชอบนั่งดูสถิติภาพรวมตลาดสมาร์ทโฟนโลกแล้วหล่ะก็ หนึ่งใน source ที่ไม่ควรพลาดคือ Gartner นั่นเอง โดยจะมีสรุปข้อมูลดีๆ มาให้ดูกันทุกไตรมาสเลยทีเดียว ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีก่อน Android ยังมีส่วนแบ่งการตลาดยังไม่ถึง 20% เลย แต่มาปีนี้กระโดดขึ้นมากินส่วนแบ่งเป็นอันดับหนึ่งแล้วด้วยตัวเลข 43.4% และถ้ารวมกับค่ายผลไม้ Apple ที่พัฒนา iOS แล้วหล่ะก็กินส่วนแบ่งมากกว่า 60% เข้าไปแล้ว สำหรับอดีตแชมป์อย่าง Symbian ก็หล่นลงมาเกือบครึ่งเหลือแค่ 22.1% ซึ่งไม่ได้เป็นที่น่าแปลกใจเพราะผู้สนับสนุนหลักอย่าง Nokia ก็มีแผนที่จะ phase out Symbian ในปี 2016 ที่จะถึงนี้ สำหรับปีหน้าเราก็ต้องมาดูถึงการจับมือกับฟาก Microsoft อย่างเต็มตัวกันหล่ะว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง แต่ที่แน่ๆ สิ่งหนึ่งที่เราได้รับรู้กันก็คือ นวัตกรรมโลกโทรคมนาคมถูกเปลี่ยนขั้วและนำทีมโดยบริษัทจากฟากโลกอินเตอร์เน็ต มาสักพักแล้ว ไม่ใช่ผู้ผลิตอุปกรณ์หรือผู้ผลิตโครงข่ายดังเช่นในอดีต
(ในงานสัมมนามีการยกกรณีศึกษา : ยุครุ่งเรืองของ Motorola กับโทรศัพท์อนาล็อก และทำไมถึงถูก Nokia มาแซงในยุคโทรศัพท์ดิจิตอล เรื่องราวของ Symbianไม่สามารถก้าวข้ามสู่ความสำเร็จในตลาดสมาร์ทโฟนได้ จนกระทั่ง iOS มา แต่ทั้งหมดนี้คงจะไม่เล่าย้อนหลังนะคะ เพราะชื่อบทความคือ Mobile Trend ถ้าสนใจเรื่องนี้ก็มาสนทนากันนอกรอบได้ค่ะ ^^)
อยากได้สมาร์ทโฟนราคาเบาๆ ? Android ราคาสบายกระเป๋ามีเยอะแยะ
ก่อนที่ Eric Schmidt จะก้าวลงจากตำแหน่ง CEO เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา หนึ่งในสิ่งที่เค้ากล่าวทิ้งไว้คือ ตลาดของสมาร์ทโฟน แบบจอสัมผัส เล่นอินเตอร์เน็ตได้จะกลายเป็นสินค้าที่ราคาไม่แพงดังเช่นในอดีต ไม่ต้องมองไปที่ไหนไกลในงาน Mobile Expo บ้านเราช่วงหลังๆ ที่ผ่านมาเราจะเห็นโทรศัพท์หลายรุ่นที่ใช้ระบบปฏิบัติการณ์ Android และสามารถหาซื้อกันได้ในราคาสบายกระเป๋า สัก 4-5,000 บาทก็สามารถหาซื้อรุ่นที่ถูกใจวัยโจ๋ขา Chat, Like ment facebook ได้
แหล่งผลิตโทรศัพท์ OEM ยักษ์ใหญ่ของโลกอย่างจีน ทำเครื่องต้นทุนต่ำออกมาให้ทั้งแบรนด์ดังโซนเอเชีย และแบรนด์ท้องถิ่นของหลายประเทศนำไปขายต่อกันเพียบ เล่นเอาแบรนด์ฝรั่งหลายรายที่พยายามกลับมาฟื้นในตลาดนี้ด้วย Android แต่ตั้งราคาไว้สูง จะจับตลาดบนก็ใช่ง่าย จะจับตลาดล่างก็ยาก พาเอาเครียดเหมือนกัน
Android ราคาสมน้ำสมเนื้อกำลังเป็นที่แพร่หลายและผู้ใช้หลายคนก็ไม่จำเป็นต้องรู้ว่า ตัวเองใช้เจ้าหุ่นกระป๋องเขียวนี้อยู่ รู้แค่ว่าใช้แล้วมันตอบโจทย์ไลฟ์สไตร์ฉันก็พอ
เศรษฐกิจแอพพลิเคชั่นยังบูม
แอพพลิเคชั่นบนอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่คนที่ปลุกผี เอ้ย! พลิกฟื้นเห็นจะหนีไม่พ้นค่ายผลไม้ Apple นี่เอง ที่มองการไกล ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่ามีปัจจัยต่างๆ ที่สนับสนุนกันอยู่
เริ่มกันตั้งแต่พัฒนาอุปกรณ์ที่ดึงดูดคนให้มาใช้ได้อย่าง iPhone เมื่อสินค้ามันพร้อมอยู่แล้ว มีลูกค้าต้องการใช้มัน ในขณะเดียวกัน Apple ก็มีแพลตฟอร์มที่มาแก้โจทย์อันเป็นอุปสรรคของการ distribute แอพฯ ในอดีตอย่าง Appstore  ที่มาพร้อมการชำระเงินที่แสนสะดวก ในปัจจุบันถือว่าเป็น Ecosystem ที่พร้อมที่สุดแล้ว จึงไม่น่าแปลกใจที่นักพัฒนารายเล็ก รายใหญ่จะหันมาลองหารายได้ หรือพัฒนาแอพฯ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือทางการตลาด
ในช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา แอพฯ ที่ active บน Appstore มีสูงถึง 466,675 แอพฯ  และ IDC ยังคาดการณ์ว่าสิ้นปี 2015 ยอดการดาวน์โหลดแอพฯ บนโทรศัพท์ (จากหลายๆ แพลตฟอร์ม) จะสูงถึง 182,000 ล้านเลยทีเดียว
ทิศทางของแอพฯ ประเภทไหนที่ไปได้สวย?
นับตั้งแต่ Apple ได้เปิดให้มีการหารายได้ภายในแอพฯ อย่าง In-App Purchase รูปแบบของแอพฯ ที่ได้รับความนิยมขึ้นเรื่อยๆ และสร้างรายได้อันดับต้นๆ ติดอันดับ Top Grossing Games คือรูปแบบของ Freemium Game (ตัวแอพฯ นั้นฟรี และมี In-App Purchase ในเกมอีกที)
ใครๆ ก็อยากมี App Store
แต่อย่างที่กล่าวไว้ Apple ไม่ใช่ผู้คิดค้นหรือทำ Appstore ในโลกธุรกิจนี้ยังมีกลุ่มต่างๆ อีกมากมายที่หันมาสร้าง Ecosystem แบบนี้กันอีกเพียบ และก็จะยังเห็นไปเรื่อยๆ ค่ะ แต่จะสำเร็จไม่สำเร็จ ก็ต้องดูกันเป็น case-by-case
  •  กลุ่ม OS vendors เช่น Google ก็มี Android Market
  •  กลุ่ม OEM (Apple ก็จัดเป็นกลุ่มนี้) อย่าง Nokia ก็มี Ovi Store (จะรีแบรนด์เป็น Nokia Store), RIM ก็มี BlackBerry App World
  • กลุ่มผู้ให้บริการโทรคมนาคมเองเลย อย่าง China mobile, VerizonVodafone เป็นต้น เค้าเรียกว่าเป็นยุค Telco2.0 คือ ยุคที่ผู้ให้บริการโทรคมนาคมไม่ได้หวังเป็นแค่ท่อหรือช่องทางให้กับ Service Provider เท่านั้น ด้วย 2 Sided Business Model เดิมที่มีรายได้จากด้านผู้บริโภคทั่วไป จะเพิ่มช่องทางการหารายได้อีกด้านโดยการวางตัวเป็นแพลตฟอร์มเปิดระบบให้ 3rd party นำ resource ไปใช้เพื่อสร้างบริการต่างๆ ที่หลากหลาย (ตามทฤษฎี The Long Tail เหมือนโลก Web 2.0 เช่นกัน)
  • และกลุ่มอิสระไปเลย ที่ดังๆ ก็อย่างเช่น GetJar รวมแอพฯ มันทุก Mobile OS เลยค่ะ
ในแง่ของนักพัฒนาทั่วไป
อย่างไรก็ตามการพัฒนาแอพฯ และให้ขายดีเป็นเทน้ำเทท่านั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ คงต้องฝ่าฟันกันอีกมาก จะเกิด Rovio (ผู้พัฒนา Angry Birds) รายที่ 2 รายที่ 3 เมื่อไหร่ก็ไม่รู้นะคะ การพัฒนาแอพฯ ที่มีเทคโนโลยีเจ๋งๆ ก้าวล้ำแต่ไม่ตอบโจทย์ว่าทำไมลูกค้าต้องใช้ หรือแม้เป็นแอพฯ ที่ดีแต่มี User Interface ที่ซับซ้อนยุ่งยาก เท่ากับปิดประตูให้กับตัวเองเพราะโอกาสที่ลูกค้าจะกลับมาใช้อีกก็น้อยแล้ว และยังต้องมีหัวทางการตลาดในการโปรโมตแอพฯ อีกว่าจะเจาะตลาดอินเตอร์อย่างไรดีนะ ฟังดูแล้วยากจัง… ทั้งหมดนี้มันก็คือธุรกิจๆ หนึ่งค่ะ ที่ต้องมีทั้งแรงบันดาลใจ ความตั้งใจจริงที่อยากประสบความสำเร็จ การสร้างสรรค์ ไอเดีย ความสามารถทางการตลาด  ก็ขอเอาใจช่วยคนไทยด้วยกันนะคะ แต่ถ้าการทำธุรกิจแบบ B2C (Business to Consumer) ยังรู้สึกว่ายากอยู่สำหรับบ้านเรา ก็อาจลองหันมามองการพัฒนาแอพฯ เชิง B2B (Busines to Business) คือรับทำให้กับแบรนด์ต่างๆ ดูก็ได้เช่นกันค่ะ
สำหรับคราวหน้า ไปดูเทรนด์ที่ต่างประเทศเค้าคาดการณ์ว่าในอีก 4 ปีข้างหน้า ไลฟสไตร์, ประสบการณ์ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของเราจะเป็นเช่นไรกันนะคะ


เกิล ออกแผนที่แสดงจุดวิกฤตน้ำท่วม



       ทีมงานประชาสัมพันธ์ กูเกิล แจ้งว่า ทางทีมงานกูเกิลได้มีการสร้างแผนที่วิกฤติ สำหรับประเทศไทย ที่จะแจ้งให้ทราบถึงบริเวณพื้นที่อุทกภัย พื้นที่ที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ศูนย์อพยพและศูนย์พักพิง โดยอ้างอิงข้อมูลล่าสุดจากเว็บไซต์ ThaiFlood.com
      
       โดยภายในแผนที่จะประกอบไปด้วย พื้นที่ประสบภัย ที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน จุดร้องขอความช่วยเหลือ รวมข้อมูล ศูนย์อพยพ และ ศูนย์พักพิง สำหรับผู้ประสบอุทกภัย แผนที่น้ำท่วมทางหลวง โดย กรมทางหลวง สภาวะทางหลวงจังหวัดนครสวรรค์ และสภาวะทางหลวงจังหวัดปราจีนบุรี
      
       ซึ่งทางกูเกิล ได้นำประสบการณ์เกี่ยวกับภัยธรรมชาติ อย่างในญี่ปุ่น และนิวซีแลนด์ เพื่อสร้างเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการช่วยเหลือผู้คน ให้สามารถเชื่อมต่อ และเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็น พร้อมกับทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับทีมงานผู้เชี่ยวชาญในด้านการแก้ไขสถานการณ์วิกฤต กับรัฐบาลไทยและองค์กรเพื่อสังคม ทั้งในส่วนท้องถิ่นเเละต่างชาติ
      
       ร่วมติดตามข้อมูลการพัฒนาและอัพเดทข่าวสารการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ได้ที่ทวิตเตอร์ @GoogleThailand หรือที่ บล็อก Google ประเทศไทย เข้าสู่แผนที่ได้จากลิงก์http://www.google.org/crisismap?crisis=thailand_floods