วันศุกร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2554

จะเอา iPad หรือ Android ดี


จะเอา iPad 2 (ไอแพด 2) หรือ Android ดี? หลายคนคงนึกสงสัย ฟังคนอื่นเค้าพูดมาก็เยอะ ถามสาวก iPad หรือ Apple ก็บอกให้ ซื้อ iPad 2 ดีกว่า พอไปถามเพื่อนอีกคนก็บอกว่า Android ดีกว่า เถียงกันไปๆมาๆ เลือก Tablet ไม่ถูกซักที
ณ ตอนนี้กระแส Tablet กำลังมาแรงแต่ตัวเลือกที่ใหญ่ๆก็คงจะมีแค่ iPad กับ Android เรามาดูข้อมูลเพื่อการตัดสินใจ ซื้อ Tablet ที่เหมาะกับเราที่สุดมาใช้งานกัน 

iPad ไอแพด หรือ Android จะเลือก ซื้อ Tablet อะไรดี

ว่าด้วยเรื่องของ Hardware ของ iPad และ Android

iPad ไอแพด เป็น แท็บเล็ต หรือ Tablet ที่ Apple เป็นทั้งผู้ผลิต กำหนดราคา กำหนดวิธีการทำตลาด แตกต่างจากแอนดรอยด์ที่กูเกิลสร้างขึ้นมา แล้วให้บรรดาผู้ผลิตฮาร์ดแวร์สามารถนำไปปรับแต่งใช้ตามความเหมาะสม ทำให้แท็บเล็ตแอนดรอยด์มีระดับราคาไล่ตั้งแต่ต่ำไปสูง ตามประสิทธิภาพและออปชัน ผิดกับไอแพดที่ตั้งราคาขายในระดับเดียว
 Android (แอนดรอยด์) พัฒนาโดย Google แต่ Hardware นั้นได้พัฒนาร่วมกับผู้ผลิตเจ้าอื่นๆ ประมาณ 36 ราย

OS บน iPad กับ Android

แอปเปิลจะเลือกใช้ระบบปฏิบัติการ ไอโอเอส (iOS) เป็นตัวขับเคลื่อนหลัก บน iPad ในขณะที่กูเกิลพัฒนาแอนดรอยด์ 3.0 ซึ่งเป็นเวอร์ชันแท็บเล็ตโดยเฉพาะ ใช้โค้ดเนมว่า ‘Honeycomb’
IOS for iPad เป็นระบบปฏิบัติการที่แอปเปิลเป็นผู้พัฒนา และนำมาใช้บนอุปกรณ์ไอโอเอสของแอปเปิลทั้งไอแพด ไอโฟน และไอพอด ทัช จุดเด่นอยู่ที่หน้าตาอินเตอร์เฟสใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน เน้นความหรูหราด้วยเอฟเฟ็กต์การเข้าใช้งานแอปพลิเคชันที่สวยงาม แต่ต้องแลกมาด้วยการเป็นระบบปิด ไอโอเอสผูกติดกับฮาร์ดแวร์ที่แอปเปิลเป็นผู้ผลิตเท่านั้น อีกทั้งยังไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ทั่วไปนำชุด SDK มาพัฒนาแอปพลิเคชันเองได้อย่างอิสระ รวมถึงการเชื่อมต่อทุกสิ่งอย่าง ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชัน เพลง หรือวิดีโอ ส่วนใหญ่ต้องทำผ่านไอจูนเท่านั้น ไม่สามารถคัดลอกหรือย้ายไฟล์แบบอิสระได้เหมือนแท็บเล็ตแบรนด์อื่น
Android 3.0 เป็นระบบปฏิบัติการระบบเปิด ทำให้ผู้ผลิตแท็บเล็ตแบรนด์ต่างๆ นำไปติดตั้ง ปรับแต่งให้เข้ากับฮาร์ดแวร์ที่ผู้ผลิตแท็บเล็ตแต่ละแบรนด์ต้องการได้ นอกจากนั้น ในตัวระบบปฏิบัติการยังสามารถจัดการไฟล์ทั้งจากภายนอกและภายในได้อย่างอิสระ เป็นผลให้แท็บเล็ตที่ใช้โอเอส แอนดรอยด์ในตลาดมีวางจำหน่ายอยู่หลายรุ่น หลายแบรนด์และหลายประสิทธิภาพให้ผู้ใช้ได้เลือกตามกำลังทรัพย์และความต้องการของตน
iPad 2 หรือ Android อะไรดีกว่ากัน

Open or Close System

เรื่องระบบปิด-ระบบเปิดถูกพูดถึงอย่างมากในวงการสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต เนื่องจากความโด่งดังของไอโอเอสที่ขึ้นชื่อเรื่องระบบปิด จนทำให้ผู้ใช้หน้าใหม่หลายคนเกิดความไม่พอใจในเรื่องการใช้งานที่ค่อนข้างยุ่งยาก ความจริงแล้วระบบปิดของแอปเปิลได้ถูกนำมาใช้บนอุปกรณ์ไอโอเอสแทบทุกตัว เพราะเป็นการป้องกันเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ได้ดีที่สุด เนื่องจากการโอนถ่ายไฟล์ต่างๆ จะถูกทางโปรแกรมไอจูนกำหนดไว้ว่าจะสามารถโอนถ่ายไฟล์ประเภทใดได้บ้าง ซึ่งผู้ใช้ไม่สามารถเปิดไดร์ฟข้อมูลแล้วจับไฟล์เอกสารต่างๆ คัดลอกลงไปได้แบบแฟลชไดร์ฟหรือระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ซึ่งเป็นระบบเปิดได้
ที่สำคัญคือ เรื่องบัญชีผู้ใช้และระเบียบการดาวน์โหลด การดาวน์โหลดบนแอปสโตร์ที่เป็นระบบปิดจะต้องมีการสมัครสมาชิกถึงจะใช้งานได้ ส่วนการติดตั้งแอปพลิเคชันจะถูกจำกัดเฉพาะบัญชีของแต่ละคนเท่านั้น ถ้าใครนำอุปกรณ์ไอแพดไปเชื่อมต่อเพื่อคัดลอกแอปพลิเคชัน รวมถึงเพลย์ลิสต์เพลง รูปภาพ มาจากเพื่อน อาจมีผลให้ข้อมูลบางส่วนของตัวเองถูกลบออกและถูกแทนที่ด้วยบัญชีและแอปพลิเคชันของเพื่อนทันที
ในขณะที่ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ที่ถือเป็นระบบเปิดจึงไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น เพราะการติดตั้งแอปพลิเคชันจะทำได้อย่างอิสระและยืดหยุ่นกว่าไอโอเอส แถมยังสามารถใช้งานเก็บข้อมูลแทนแฟลชไดร์ฟได้ด้วย

Application หรือ App สำหรับ iPad และ Android

พูดถึงแอปพลิเคชันหรือเรียกสั้นๆ ว่า แอปฯ ปัจจุบันถือเป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อแท็บเล็ตอย่างมากโดยเฉพาะคนที่ต้องการนำแท็บเล็ตมาใช้งานอย่างจริงจัง ใครที่มีจำนวนแอปฯ ในสโตร์มากและน่าสนใจกว่าย่อมดึงดูดใจผู้บริโภคได้มากกว่าแท็บเล็ตที่มีแอปฯ ในสโตร์ที่น้อยกว่า
หากเปรียบเทียบจำนวนแอปฯ และความน่าสนใจของแท็บเล็ตยอดนิยมทั้ง 2 แบรนด์จะพบว่า
  • - ในส่วนของไอโอเอสจากแอปเปิลที่ใช้แอปสโตร์ เป็นตลาดในการซื้อขายแอปฯ บนไอแพด จะมีจำนวนแอปฯ ที่รองรับเฉพาะไอแพดทั้งสิ้นประมาณ 65,000 – 70,000 ตัว
  • - ในขณะที่แอนดรอยด์ 3.0 จากกูเกิลที่ใช้ ‘มาร์เก็ต’ เป็นตลาดซื้อขายแอปฯ จะมีแอปฯ ที่รองรับกับแอนดรอยด์ 3.0 จริงๆ อยู่ประมาณแค่หลักร้อยหลักพันเท่านั้น
จุดเด่นของ App บน iPad (และ iPad 2)
และหากแยกเรื่องความน่าสนใจในตัวแอปฯ จะเห็นอย่างชัดเจนว่าด้วยจำนวนแอปฯ ในสโตร์ที่มากของแอปเปิล ส่งผลให้ผู้ใช้ที่ต้องการแท็บเล็ตมาใช้งานอย่างจริงจัง เช่น ต้องการนำไปใช้งานในการทำดนตรีหรือนำไปใช้ทำงานออฟฟิศ ตกแต่งภาพ จะมีตัวเลือกในการใช้งานแอปฯ ได้หลากหลายและตรงตามความต้องการมากกว่า
จุดเด่นของ App และการใช้งานของ Android
ในขณะที่แอปฯ บนมาร์เก็ตในแอนดรอยด์ 3.0 จะเน้นแอปฯ ทำงาน พิมพ์เอกสาร เครือข่ายสังคม และเกมแนวฆ่าเวลาโดยปราศจากแอปฯ ที่สามารถใช้ทำงานเฉพาะทาง เช่น สร้างดนตรีหลายแทร็คหรือตกแต่งภาพระดับสูง อย่างสิ้นเชิง ข้อดีของแอนดรอยด์เมื่อนำไปใช้ทำงาน นอกจากเรื่องของแอปฯ ทำงานเอกสารแล้ว ในส่วนของการรองรับแฟลชถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้แอนดรอยด์สามารถใช้ทำงานและเล่นเว็บไซต์ได้สมบูรณ์กว่าไอโอเอสจากแอปเปิลที่รองรับแต่ HTML5 อย่างเดียว

Option และ Accessories

อุปกรณ์เสริม และ พอร์ตเชื่อมต่อ ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยสร้างภาพลักษณ์ของแท็บเล็ตให้ดูน่าใช้มากยิ่งขึ้น เพราะผู้ใช้แท็บเล็ตจำนวนมากเลือกซื้ออุปกรณ์เหล่านี้มาเพื่อต้องการใช้ทำงานเป็นหลัก เพราะฉะนั้นเรื่องของพอร์ตเชื่อมต่อและอุปกรณ์เสริมต่างๆ จึงถือเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง
แท็บเล็ตจากแอนดรอยด์ได้เปรียบมากในจุดนี้ เพราะกูเกิลไม่ได้ผูกมัดผู้ผลิตในการผลิตฮาร์ดแวร์ต่างๆ ทำให้ผู้ผลิตเหล่านั้นสามารถเลือกใส่อุปกรณ์เสริมหรือพอร์ตเชื่อมต่อต่างๆ ลงบนตัวแท็บเล็ตได้อย่างอิสระ ดังจะเห็นได้จาก แท็บเล็ตแอนดรอยด์ส่วนใหญ่จะมาพร้อมพอร์ตเชื่อมต่อ HDMI เพื่อใช้เชื่อมต่อกับทีวีความละเอียดสูง หรือแม้แต่การติดตั้งพอร์ต USB มาบนแท็บเล็ตเพื่อไว้ใช้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริมต่างๆ ได้
แต่สำหรับแท็บเล็ตจากฝั่งแอปเปิลอย่างไอแพด ซึ่งด้วยแนวคิดการออกแบบมาให้การใช้งานเรียบง่ายและต้องการให้การเชื่อมต่อต่างๆ สามารถทำได้ด้วยการเชื่อมต่อแค่พอร์ตเดียว ทำให้เมื่อผู้ใช้ต้องการเลือกพอร์ตใช้งานอื่นๆ นอกเหนือจากช่อง 30 พิน เช่น USB หรือ HDMI จำเป็นต้องเสียเงินซื้ออุปกรณ์เสริมมาใช้ตามการใช้งานที่ต้องการ อีกทั้งด้วยการที่อุปกรณ์เสริมเหล่านั้นต้องเชื่อมต่อผ่านช่อง 30 พินเท่านั้น ทำให้การสลับใช้พอร์ตและอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ไม่สามารถทำได้บนไอแพด

แล้ว iPad หรือ Android ดี?

แท็บเล็ตแต่ละตัวมีการทำงานที่แตกต่างกัน เช่น แท็บเล็ตที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ส่วนใหญ่จะเหมาะกับผู้ที่เน้นการทำงาน ใช้เปิดเว็บไซต์ อัปโหลดบทความขึ้นเว็บ และเน้นเรื่องของเครือข่ายสังคมเป็นหลักมากกว่าเรื่องเล่นเกมที่เป็นรองลงมา เนื่องจากตัวระบบปฏิบัติการสามารถรองรับแฟลชและมีการติดตั้งพอร์ตเชื่อมต่อมาให้อย่างครบครัน ทำให้ความสามารถในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริมอย่างคีย์บอร์ด หรือการเชื่อมต่อช่องส่งสัญญาณภาพแบบความละเอียดสูง (HDMI) สามารถทำได้อย่างง่ายดาย
ในส่วนแท็บเล็ตจากแอปเปิลอย่าง ไอแพด (iPad 1 และ iPad 2) จะเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการความหรูหรา ไม่สนใจเรื่องจุกจิกอย่างปัญหาการซิงค์แอปฯ และยอมรับในเรื่องของระบบปิด รวมถึงชื่นชอบและจำเป็นต้องใช้งานแอปฯ เฉพาะทางหรือเป็นขาเกมระดับฮาร์ดคอร์เป็นหลัก เพราะด้วยจำนวนแอปฯ ที่มากกว่าแอนดรอยด์แท็บเล็ตทำให้การใช้งานในส่วนของแอปฯจะทำได้หลากหลายกว่ามาก
สุดท้าย ไม่ว่าแอปเปิลไอแพดหรือกูเกิลแอนดรอยด์ แท็บเล็ตทุกตัวมีคุณค่าในตัวเองแทบทั้งสิ้นอยู่ที่ว่าผู้ใช้จะมองเห็นคุณค่า-ข้อดีเสียของแท็บเล็ตตัวไหนมากกว่ากัน จงพยายามตัดเรื่องตามแฟชั่นและข้ออคติออกไป พร้อมมองถึงเหตุผลและใช้ความต้องการที่แท้จริงเป็นตัวเลือกซื้อจะดีที่สุด

Credit  http://witternews.com/ipad-2-vs-android/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น